ช่วงนี้คนเริ่มกลับมาดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายกันมากขึ้น แถมยังมีอีกหลายคนที่เริ่มเข้าสู่วงการ ลดน้ำหนัก ด้วยเบเบ๊ แต่ใครไหวไปก่อนเลยค่ะ หอบ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าวงการเบเบ๊ก็ได้ เข้าวงการของใครก็ได้ค่ะ เลือกที่เหมาะสมและเข้ากับตัวเองจะดีที่สุด เพราะการลดน้ำหนักต้องปรับสูตรและตารางของร่างกายผู้ลดน้ำหนัก เพื่อให้เกิดผลที่ดีที่สุด นอกจากเรื่องที่ควรทำแล้ว ยังมีเรื่องที่ไม่ควรทำอีกด้วย ไปดูกันว่าจะมีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ห้ามทำถ้าอยากลดน้ำหนัก
ไม่พอใจหรือไม่ชอบรูปร่างของตัวเองเอาซะเลย
ก่ทอนการลดน้ำหนัก เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะลดน้ำหนักไปเพื่ออะไร เพราะการที่ไม่ชอบรูปร่างของตัวเองนั้น ก็จะทำให้เราดูแลร่างกายของเราไม่ดีตามไปด้วย ฉะนั้นก่อนที่เราจะไปลดน้ำหนักต้องสร้างความคิดในทางบวกให้กับร่างกายของตัวเอง เช่น หากตอนนี้เราอ้วนมาก รู้สึกแย่มาก ๆ ที่มีแต่ไขมัน อยากเอารูปร่างแบบนี้ออกไป ก่อนคิดเสียว่า ถ้าไขมันสวนนี้หายไปจะเป็นยังไงนะ กล้ามขึ้นมาแทนแล้วจะสวยแค่ไหน พยายามให้กำลังใจตัวเองเยอะ ๆ เราเชื่อว่ามันมีผลต่อการลดน้ำหนัก อีกทั้งพอเราคิดดีกับมัน เราก็จะสามารถกำหนดทิศทางการออกกำลังกายได้ดีมากขึ้น มั่นใจได้เลยว่าจะมีรูปร่างที่ดีและแข็งแรงได้อย่างแน่นอน
หมกมุ่นกับลดน้ำหนักจนเกินไปจนเสียสมดุลกับการควบคุมการออกกำลังกาย
หากคุณต้องการที่จะลดน้ำหนักแบบได้ผลจริง ไม่ควรคิดมากกับตัวเลขบนตาชั่ง ตัดทิ้งไปก่อนได้เลยเรื่องออกกำลังกายแล้วน้ำหนักจะลดเลยทันที อย่างน้อยก็ควรชั่งน้ำหนักให้เป็นเวลา เช่น 1 เดือนชั่งที ดูความเปลี่ยนแปลงในการลดน้ำหนักแต่ละครั้ง เพราะถ้าคุณให้ความสำคัญกับตัวเลข อาจทำให้ท้อในการออกกำลังกาย และจะพาลเสียอย่างอื่นไปด้วย และอาจจะทำให้การออกกำลังของคุณผิดรูปผิดร่าง ไม่ตรงตามตารางที่ตั้งเอาไว้ ดังนั้นคุณควรวัดเอาจากความรู้สึกของร่างกายมากกว่าหมกมุ่นกับตัวเลขบนตาชั่ง
อดอาหาร คุมน้ำหนักด้วยการไม่กิน
ข้อดีต้องระวังอย่างแรง เพราะการอดอาหารหรือการอดมื้อกินมื้อนั้น มันมีโอกาสที่จะทำให้ร่างกายเกิดอาการหิวและเพิ่มปริมาณอาหารในมื้อต่อ ๆ ไปได้สูงมาก มันจะเหมือนเราโหย เราอดยากมาหลายมื้อ หลายวัน พอได้กินอาหารมื้อใหญ่ จะกินไม่หยุด และกินเยอะมากกว่าเดิมจนบางทีการลดน้ำหนักที่ทำ ๆ ไป หรือการออกกำลังกายที่ผ่านมาไม่มีประโยชน์ และที่สำคัญยังเสี่ยงต่อการทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ช้าลงอีกด้วย
ทนหิว แม้ร่างกายไม่ไหว
อีกข้อที่อยากจะย้ำมาก ๆ เรื่องอาหารการกิน สิ่งแรกคือควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ลดแป้ง ลดมัน เพิ่มเนื้อ เพิ่มผัก หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้ท้องเราอิ่มง่าย อย่าทนหิวเด็ด ไม่ใช่ว่าหิวแค่ไหนก็ยังทน เพราะมันไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนักที่ดี เพราะอาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก ดังนั้นจึงแนะนำให้แบ่งอาหารให้เป็นมื้อเล็ก ๆ ประมาณ 5-6 มื้อต่อวัน เพื่อลดอาการหิวและไม่ส่งผลเสียต่อการลดน้ำหนัก แทบยังแก้อาการกินจากมื้อใหญ่แบบทีละเยอะ ๆ ได้อีกด้วย
ออกกำลังกายอย่างหักโหม โดยไม่ประมาณตัวเอง
ใครที่กำลังลดน้ำหนักแบบหักโหม ออกกำลังกายแบบบ้าคลั่ง หยุดเดี๋ยวนี้! เพราะการออกกำลังกายอย่างหักโหมเพื่อหวังเห็นผลได้เร็วนั้น ไม่เคยสร้างผลดีแก่ร่างกายเลยสักคน เพราะการที่กล้ามเนื้อของเราต้องเจอและรับมือ พร้อมทั้งใช้งานอย่างหนัก อาจจะทำให้ร่างกายทรุดลง หรือเกิดอาการบาดเจ็บ วิธีคือควรลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายนั้นแบบไต่ระดับความเหนื่อยขึ้นไปเรื่อย ๆ และควรไปพร้อมกับการควบคุมอาหารให้ดี ถึงจะได้ผลมากที่สุด
คุมแต่อาหาร ไม่สนใจการออกกำลังกาย
ใครที่ถนัดคุมอาหารได้ คุมไปเลยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องของการออกกำลังกายก็ต้องนำเข้ามาเป็นสิ่งที่ควรทำด้วย เพราะการออกกำลังกายคือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงาน อย่าลืมว่าการกินอาหารเข้าไป ร่างกายย่อมสะสมแคลอรีตามไปด้วย ต่อให้เรากินคลีน กลิ่นแบบระมัดระวัง สุดท้ายแล้วน้ำหนักลดจริง แต่ร่างกายไม่แข็งแรง ก็มีค่าเท่าเดิม อยากอยากลดน้ำหนักแบบสุขภาพดี ต้องไม่ละเลยในการออกกกำลังกาย ขยับสักนิดหน่อยก็ยังดีค่ะ ไม่ต้องถึงขั้นเข้าฟิตเนส แต่วิ่งรอบหมู่บ้าน ยืดเส้นยืดสาย พิลาทิส คาดิโอง่าย ๆ ก็พอแล้ว
ลดน้ำหนักด้วยการกินยา
อย่าได้หลงไปกับโฆษณาชวนเชื่อ ว่ากินยานี้จะน้ำหนักลง กินสมุนไพรแคปซูลนี้จะเบิร์นดี ขับไขมัน แท้จริงแล้วอันตราย ถึงแม้จะอ้างสรรคุณว่าดีจริง เห็นผลจริง การันตีด้วยลูกค้าที่ซื้อไปแล้วมารีวิว จะสูตรเม็ด สูตรน้ำ สูตรสมุนไพร หากคุณกินแล้วหยุด เสี่ยงกับการโยโย่อย่างมาก และสิ่งที่น่ากังวลคือร่างกายของเราที่ลดฮวบลงไปเยอะ ๆ มันจะกลับมาเยอะกว่าเดิม พร้อมทั้งพ่วงปัญหาสุขภาพอีกมากมายมาฝากให้กับเราอีก
จริง ๆ แล้ว ลดน้ำหนัก ไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป ใครอยากมีรูปร่างดี หุ่นสวย ๆ ใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ดูดีหรือเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง ต้องหันกันมาออกกำลังกายกันนะคะ นอกจากนี้เรื่องการควบคุมอาหารก็สำคัญเหมือนกัน พยายามทำควบคู่กันไป เชื่อว่า ภายใน 5 – 6 เดือน เห็นผลแน่นอน เตรียมตัวถ่าย Before & After ได้เลย
ติดตามอ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ Workoutkan – รับเคล็ดลับดูแลสุขภาพกันเลยที่นี่
