ผอมแต่มีพุง ทำไงดี ? แจกทริค วิธีปรับพฤติกรรมลดพุง Skinny Fat ให้ได้ผลจริง!!

การมีรูปร่างที่ดีสมสัดส่วนนั้นไม่ว่าสาวๆ จะแต่งตัวแบบไหนก็ดูดีไปหมดจริงไหมคะ แต่จะทำอย่างไรดี ไม่ว่าเราจะพยายามควบคุมอาหารอย่างไร ก็ยังมีพุงน้อย ๆ ยื่นออกมาให้กวนใจอยู่เรื่อยเลย ทั้ง ๆ ที่เราก็ดูผอมและค่า BMI อยู่ในเกณฑ์ปกติ นั่นอาจเป็นเพราะคุณกำลังอยู่ในภาวะ Skinny Fat ก็ได้นะ

ซึ่งขอบอกเลยว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคนเลยค่ะ เพราะนอกจากการผอมแต่มีพุงจะทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างตัวเองแล้ว ยังทำให้เรามีความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ อีกด้วยนะ แล้วแบบนี้เราควรทำยังไงดีล่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจอย่างจริงจังว่า สาเหตุเกิดจากอะไร แล้ววิธีปรับพฤติกรรมเหล่านี้อย่างไรบ้างไปดูพร้อมกันเลยค่า

ผอมแต่มีพุง (Skinny Fat)

หรือ ที่เรียกกันว่า Skinny Fat คือการมีน้ำหนักตัวไม่เกินมาตรฐาน รูปร่างดูผอมเพรียว แต่กลับมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากเป็นพิเศษ จนกลายเป็นหน้าท้องป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายคน ไม่เพียงแต่เรื่องของความมั่นใจในรูปร่าง แต่การอยู่ในภาวะแบบนี้ เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ และปัญหาสุขภาพได้ค่ะ

ผอมแต่มีพุง เกิดจากอะไร ?

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกคนจากปัจจัยหลายสาเหตุ หากเราเข้าใจและรู้วิธีการป้องกันและแก้ไขอย่างเหมาะสม ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปค่ะ ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง

1. การทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันสูง

สิ่งที่เราทานเข้าไปในแต่ละวัน บางครั้งก็เป็นสาเหตุของการผอมแต่มีพุงได้เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน ขนมขบเคี้ยว คุกกี้ เบเกอรี่ต่าง ๆ รวมไปถึงทอด ของมัน อาหารแช่แข็งแบบแปรรูป หรือแม้แต่น้ำสลัด และเครื่องปรุงรสชนิดหวาน ที่มีน้ำเชื่อมข้าวโพดชนิดฟรุกโตสสูงและไขมันทรานส์เป็นส่วนผสม ก็ล้วนแต่เป็นส่วนผสมส่งผลให้ไขมันสะสมในร่างกายมากขึ้นโดยเฉพาะบริเวณท้องของเรา

2. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

มีผลวิจัยออกมายืนยันว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเบียร์ วิสกี้ วอดก้า ค็อกเทล หรือไวน์ มีผลทำให้เกิดไขมันสะสมในช่องท้องมากเป็นพิเศษเลย เรียกได้ว่ายิ่งดื่มมากก็ยิ่งทำให้หน้าท้องยื่นมากนั่นเองค่ะ

3. การออกกำลังกายผิดวิธี

แม้ว่าการออกกำลังกายจะเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลดีต่อร่างกายของเราแล้ว แต่หากออกแบบผิดวิธีก็จะทำให้เกิดผลเสียท้องยื่นมากกว่าเดิมได้เช่นกัน

4. การอดอาหาร

การอดอาหารถือเป็นวิธีอีกยอดฮิตที่ไม่ว่าสาว ๆ คนไหนก็ต้องเคยทำมาก่อนใช่มั้ยล่ะคะ แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว การอดข้าวเพื่อลดน้ำหนักนั้นเป็นวิธีที่ผิดและไม่ควรทำอย่างยิ่งเลยค่ะ เนื่องจากการที่เราทานอาหารในปริมาณน้อย ๆ หรืออดข้าวแบบกะทันหัน นอกจากจะทำให้ร่างกายเรารู้สึกหิวโหยกว่าเดิมแล้ว ยังทำให้ร่างกายต้องดึงพลังงานจากมวลกล้ามเนื้อมาใช้ นั่นทำให้เรามีกล้ามเนื้อน้อยลงและการเผาผลาญของร่างกายลดลงไปด้วย ทำให้เรามีไขมันสะสมอยู่ที่พุงมากนั่นเอง

ผอมแต่มีพุง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

การผอมแต่มีพุงไม่เพียงแต่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดเวลาใส่เสื้อผ้าและเกิดความไม่มั่นใจในรูปร่าง แต่หากยังปล่อยไว้ไม่แก้ไข อาจจะนำพาโรคและปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมาด้วย เนื่องจากการผอมแต่มีพุงคือภาวะที่มีไขมันในบริเวณท้องสะสมอยู่มาก ทั้งไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) สะสมอยู่รอบอวัยวะภายใน และชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวสร้างความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ทั้งโรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลผิดปกติ และมีปัญหาในการหายใจนั่นเองค่ะ

ปรับพฤติกรรมการกิน ช่วยได้เหมือนกัน

สำหรับคนผอมแต่มีพุง ต้องการแก้ไขด้วยการปรับพฤติกรรมการกินนั้น อาจจะจำเป็นต้องนับแคลอรีจริงจังเหมือนกับคนต้องการลดน้ำหนัก เพียงแต่ต้องมีการปรับพฤติกรรมการกิน เลือกแต่ของที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่ทำให้เกิดไขมันสะสม

การออกกำลังกาย ทางเลือกหนึ่งของการลดพุง

ท่าออกกำลังกายลดหน้าท้องหรือการบอดี้เวทก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งนะคะ ช่วยลดหน้าท้องของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกันค่ะ เช่น การคาร์ดิโอ อย่างน้อย 10-15 นาที ก็ช่วยได้เหมือนกันค่ะ ดังนั้นหากใครไม่อยากให้มีหน้าท้องป่องยื่นออกมาก็ลองปรับพฤติกรรมของตัวเองได้จ้า รับรองว่าเห็นผลแน่นอน

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ workoutkan